ชี้เป้าร้าน บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร แห่งปราจีนบุรี กับเมนูที่ต้องโดน
- ระยะเวลา1 วัน
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย฿ 300/คน
- Share
ถ้าพูดถึงการไปเที่ยวจังหวัดปราจีนบุรีหลายคนคงนึกถึงอภัยภูเบศรเป็นทีแรกที่มีทั้งสมุนไพร นวด และอาหาร แต่จริงๆ แล้วมีอีกที่ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือร้าน บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร ซึ่งสามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศบ้านไม้ริมแม่น้ำบางปะกงอายุเกือบ 100 ปี และอาหารไทยที่เน้นสมุนไพรได้แบบครบเครื่องครบรส ที่สำคัญยังมีเรื่องเล่าความเป็นมาของจังหวัดปราจีนบุรีอารมณ์เหมือนนั่งกินข้าวในห้องนิทรรศการอะไรสักอย่าง
ร้าน บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร เดิมเป็นบ้านไม้ ที่มีอายุมาตั้งแต่ปี 2493 เป็นของตระกูล "เปี่ยมสมบูรณ์" โดยปัจจุบัน ทางครอบครัวของ ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก็ได้มอบสิทธิ์การใช้สถานที่แห่งนี้ให้กับมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
พนักงานที่นี่เราว่าเจ้าของบ้านได้เซ็นสัญญามอบสิทธิ์ให้กับทางมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาภัยภูเบศรทีละ 10 ปี โดยไม่คิดค่าเช่า ซึ่งรายได้จากร้านอาหารนี้ทางมูลนิธิฯ ก็จะนำเข้าไปพัฒนาในส่วนต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่งก็น่าจะเป็นเกี่ยวกับด้านการแพทย์แผนไทย
ร้าน บ้านเล่าเรื่องเมืองสมุนไพร ตั้งอยู่ที่ถนนหน้าเมือง ใกล้ๆ กับศาลหลักเมือง ถ้ามาถึงแล้วสามารถหาที่จอดรถริมถนนได้เลย ถ้าหน้าร้านไม่มี ก็ไปจอดรถหน้าศาลหลักเมืองแล้วเดินมาได้
หากใครไปตั้งต้นที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ก็สามารถขับรถมาได้ในระยะทางที่ห่างกันเพียง 3 กิโลเมตร โดยออกจากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้วเลี้ยวซ้าย ขับเลียบแม่น้ำบางปะกงมาเรื่อยๆ ถึงแยกสะพานปราจีนบุรีก็เลี้ยวขวาเพื่อขึ้นสะพานปราจีนบุรีข้ามมาอีกฝั่ง พอลงสะพานแล้วจะเจอร้านกาแฟ Cafe Amazon สวยๆ อยู่ซ้ายมือ ก็เลี้ยวซ้ายได้เลย ขับต่อไปไม่ถึง 100 เมตรก็จะเจอร้านอยู่ซ้ายมือ
ก่อนเริ่มรีวิวเมนู อยากพามาดูบรรยากาศภายในร้านกันสักนิด ร้านนี้เป็น "บ้านเล่าเรื่อง" สมชื่อจริงๆ เพราะทุกมุมของร้านจะแปะข้อมูลประวัติความเป็นมาของประจีนบุรีที่น่าสนใจอย่างกับนั่งกินข้าวอยู่ในห้องนิทรรศการ และหากใครได้มีโอกาสคุยกับพนักงานในร้านจะรู้เลยว่าทุกเมนูและสถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่าและความเป็นมาเกือบทั้งหมด
ในกลุ่มที่เราไปกินกันมามีทั้งสายสมุนไพรและไม่ใช่สายสมุนไพร แต่ขอบอกเลยว่าไม่ว่าใครได้ลองกินแล้วก็ต้องว้าวกันทั้งนั้น เพราะรสชาที่นี่กลมกล่อมมาก สามารถนำทุกเมนูมาประยุกต์กับสมุนไพรไทยได้อย่างน่าสนใจและลงตัว ถึงจะไม่ค่อยชอบสมุนไพรก็หลงไหลในรสชาติได้ง่ายๆ
เริ่มที่เมนูเครื่องดื่ม ที่บางเมนูทางร้านจะแยกมาให้เราผสมเอง เผื่อใครไม่ชอบหวานก็ไม่ต้องใส่น้ำเชื่อม ซึ่งอันนี้คือดีมาก เพราะได้ปรุงจนได้รสชาติที่ต้องการ ถูกใจทั้งคนชอบหวานและไม่ชอบหวาน
เมนูนี้เรียกว่าสามเกลอ จะเป็นน้ำกระเจี๊ยบผสมสมุนไพร่อื่นๆ อีกซึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่รสชาติลงตัวสุดๆ แบบไม่น่าเชื่อ คือมันไม่เหมือนน้ำกระเจี๊ยบที่เราเคยกิน และรสชาติสมุนไพรก็ไม่ได้แรงจนกินไม่ได้ พอบวกกับน้ำโซดาทำให้รสชาติมีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น
เมนูนี้เป็นน้ำกัญชา โดยเป็นใบกัญชาปั่นสดู ผสมกับน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวๆ หวานๆ และใบชาดำต้มสมุนไพร ซึ่งก็ดีไม่แพ้กัน
ทางร้านยังมีน้ำแปลกๆ ที่น่าลองอีกเยอะ ถ้ามีโอกาสจะไปจัดให้ครบ
ขอสารภาพว่าเราแพ้ทางเมนูตั้งแต่ออเดิร์ฟเพราะมีแต่จานที่น่ากินๆ ทั้งนั้น แม้กระทั่งไข่เจียวก็ยังน่ากิน
เมนูที่เราจัดไปรอบนี้ก็จะมี
โดยข้าวที่นี่จะเป็นข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวสัดส่วน 3:1 กินร้อนๆ กับจานไหนก็ผ่านหมด
ตบท้ายด้วยมะม่วงดองเกษตรอินทรีย์ ไม่ใส่ผงกรอบ ไม่ใส่ผงขัดขาว ที่มีประวัติความเป็นมาแบบต้องหยุดฟัง คือมันเกิดมาจาก "ยายเที่ยง" ที่เริ่มดองมากับมือตั้งแต่ปี 2511 ซึ่งได้วิชามาจากร้านย่งไฉ่ ปากคลองตลาด สมัยที่ไปช่วยทำงานที่ร้าน ช่วยขนมะม่วงและมะดันลงเรือจากปราจีนบุรีไปส่งขายที่กรุงเทพฯ จากนั้นในปี 2512 ก็เลยเริ่มประกอบอาชีพขายผลไม้ดองอย่างจริงจังจนถึงปัจจุบัน
ใครอยากรู้เรื่องราวของยายเที่ยงและประวัติการทำมะม่วงดองลองไปอ่านที่ร้านดูเองนะ
เป็นยังไงกันบ้าง คนเขียนแค่เขียนไปดูรูปไปก็น้ำลายไหลอยากกลับไปกินอีกครั้งแล้ว เพื่อนๆ ที่สนใจแนะนำให้ลองไปสักครั้ง ชอบไม่ชอบก็ลองไปสัมผัสอาหารจานไทยที่ตั้งใจรังสรรค์ผสมผสานกับสมุนไพรพื้นบ้านกัน จะได้ความประทับใจกลับมาแน่นอน
และหากใครสนใจหาที่เที่ยวต่อจากทริปที่ปราจีนบุรี เราแนะนำให้ไปต่อที่นครนายก และหากมีเวลา ลองนั่งเรือไปที่ เขาช่องลม ซึ่งอยู่ในเขื่อนขุนด่านปราการชล ซึ่งหากอยากรู้ว่าช่วงเวลาไหนน่าไปที่สุด ลองอ่านบทความที่ Trip & Drip รีวิวได้เลย
ดีใจด้วย คุณคือคนแรก!
คอมเมนต์