รีวิว alt.Eatery แหล่งรวมอาหาร Plant-based ย่านทองหล่อ
- ระยะเวลา1 วัน
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย฿ 200/คน
- Share
อาหาร Vegan และอาหาร Plant-based เหมือนจะเริ่มมีกระแสนิยมมากขึ้นในช่วงนี้ ล่าสุดไปเจอร้าน alt.Eatery ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทใกล้ๆ BTS ทองหล่อ ซึ่งร้านจะเป็นคอนเซปต์ Plant-based โดยจะมีทั้งในส่วนของขายอาหาร และ Retail ขายสินค้าจากแบรนด์อื่นๆ ที่เป็น Plant-based ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริก เครื่องดื่ม ขนม และอีกมากมาย
ดูรีวิวจากเว็บไซต์อื่นๆ แล้วก็เหมือนจะน่าสนใจ วันนี้ว่างๆ เลยลองขับรถไปลองใช้บริการดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งจะมารีวิวบรรยากาศ อาหาร และเมนูกัน! พร้อมแล้ว เริ่ม!
alt.Eatery ไม่ได้เป็นเฉพาะคาเฟ่ แต่เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ หรือคนที่กิน Plant-based Food ใจกลางเมืองแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่เค้ารีวิวกันว่าอร่อย ในราคาที่น่าลอง
กลุ่มผู้บริโภคของร้าน alt.Eatery จะเป็นคนยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม โดยทางร้านมีอาหาร Plant-based ที่ใช้โปรตีนจากพืช แทนเนื้อสัตว์ ซึ่งเคลมว่ามีโปรตีนสูงแต่ไขมันต่ำ
จากผลการวิจัยพบว่า การผลิตและบริโภคอาหาร Plant-based สามารถลดโลกร้อนจากการทำปศุสัตว์ได้ถึง 30% .. ฟังดูดีขนาดนี้ไม่ลองมาเข้าวงการ Plant-based ไม่ได้แล้ว!
การเดินทางไม่ยากค่ะ Alt Eatery อยู่ที่ปากซอยสุขุมวิท 51 นี่เอง เดินจาก BTS หล่อเพียงแค่ 5 นาที (290 เมตร) คุณก็จะเห็นร้านโปร่งด้วยกระจกใสทรงสี่เหลี่ยม สีเหลืองสดใสล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และสนามหญ้าเขียวขจี
เมื่อเข้ามาในร้านแล้ว จะนั่งทานในห้องแอร์เย็นๆ ที่สามารถมองทะลุกระจกออกมาด้านนอก หรือจะนั่งทานในส่วนที่เป็นสนามด้านนอกก็ได้ แต่ถ้ามากลางวัน แดดแรงๆ นั่งข้างในดีกว่า
สำหรับลานข้างนอกพนักงานแจ้งว่าทางร้านจะมีกิจกรรมอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นมีวงดนตรีมาเล่น หรือเป็นการนำสินค้าที่ขายอยู่ที่ Alt Eatery มาเปิดบูธ แต่ถ้าไม่มีกิจกรรมอะไรก็สามารถออกมานั่งอาบแดดได้เช่นกัน
เมื่อพร้อมแล้วก็มาเลือกเมนูกันค่ะ ทางร้านมีเมนูให้เลือกไม่มากนัก แต่ว่าทุกเมนูที่มีก็ดูน่าสนใจและน่าลองจนเลือกไม่ถูกเหมือนกัน เลยให้พนักงานช่วยแนะนำว่าอะไรอร่อย ซึ่งพนักงานแนะนำผัดไท เนื่องจากเป็น Best Seller ของร้าน ในราคา 125 บาท รสชาติเหมือนผัดไททั่วไป คือออกหวานหน่อย แต่อร่อยตรงที่มีความกรุบกรุบน่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่ใช้แทนกุ้งแห้ง
ถ้าใครเพิ่งเริ่มลองกินอาหาร Plant-based แนะนำให้ลองเมนูที่มีเนื้อเน้นๆ ดีกว่า จะได้เข้าถึงรสชาติของวงการนี้แบบเต็มๆ
ตามด้วยอีกเมนูคือลาซานญา ซึ่งมีสองแบบให้เลือกระหว่าง Spooky Pink Brioche ข้างในเป็นไส้ขนุนอ่อน กับ Evil Monster Brioche ข้างในเป็นไส้เนื้อ Plant-based เราเลยขอลองเป็น Evil Monster Brioche ขนมปังสีเขียว เสิร์ฟคู่กับไก่ป๊อบที่ไม่มีไก่ เด้งๆ กรอบๆ อร่อยดี ยังมีอีกหลายเมนูที่ยังไม่ได้ลอง ต้องรอครั้งต่อไปค่ะ ใครมีเมนูอร่อยๆ ที่นี่ แนะนำได้นะคะ
ทางร้านจะมีโปรโมชันในแต่ละช่วงด้วย ในวันที่เราไปจะมีโปร 1 Pasta + 1 Drink ในราคา 199 บาท และยังมีเมนูพิเศษตามเทศกาล เช่น Celebrate Pride Month
อาหารหวานก็มีหลายอย่างทั้งไอศครีมวาฟเฟิล และโดนัทที่เค้าการันตีว่า ทำจากแป้งเกรดพรีเมี่ยมซึ่งใช้เวลาหมักนานกว่า 10 ชั่วโมงทำให้เนื้อขนมเบานุ่มฟูโดยปราศจากนมและไข่
เครื่องดื่มที่ก็มีเยอะนะคะ ประเภทพั้นซ์ และสารพัดกาแฟ
แวะไปดูมุมมินิซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับ โซนนี้จะมีขนมอาหารว่าง อาหารแช่แข็ง น้ำพริก เครื่องดื่ม ขนม และอีกมากมาย ให้ได้เลือก หลายอย่างก็จะไม่ต่างกับซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ที่ก็เริ่มมีสินค้า Plant-based วางจำหน่ายแล้ว แต่ก็จะปนๆ กันกับสินค้าทั่วไป ข้อดีของที่นี่คือเราสามารถมั่นใจได้ว่าไม่ว่าจะหยิบอะไรก็ Plant-based หมด ไม่ต้องคอยหาหรืออ่านฉลาก
ก่อนกลับก็เลยลงซื้อผงน้ำพริกสำหรับโรยข้าวที่ทำจากผลไม้ติดมือมาด้วย มีทั้งน้ำพริกที่ทำมาจาก มะม่วง แอปเปิ้ล ลิ้นจี่ และอื่นๆ ที่น่ากินไม่แพ้กัน
ทริปต่อไปเราจะไปไหนกัน ติดตาม Trip & Drip ได้เลยค่ะ
ดีใจด้วย คุณคือคนแรก!
คอมเมนต์