รีวิวเที่ยวเขาค้อ ชมทะเลหมอกสุดชิลล์ในช่วงหน้าฝน
- ระยะเวลา3 วัน
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย฿ 5,000/คน
- Share
ใครว่าช่วงหน้าฝนแล้วเมืองไทยจะไร้ที่เที่ยว? อย่าคิดแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ เพราะเมืองไทยเราโชคดีสุด ๆ ตรงที่จะฤดูกาลไหนก็มีที่เที่ยวตลอด และในช่วงหน้าฝนนี้เผอิญได้มีโอกาสไปสัมผัสความสวยงามกับทะเลหมอกของ “เขาค้อ” เป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งอาจรวมถึงเป็นการเห็นทะเลหมอกสวย ๆ กับตาตัวเองเป็นครั้งแรกด้วยก็ได้นะครับ ฮ่า ๆ ทริป เที่ยวเขาค้อ หน้าฝน ทริปนี้จะเป็นอย่างไร มาลองดูกันเลย!
ทริป เที่ยวเขาค้อ หน้าฝน นี้เริ่มต้นออกเดินทางด้วยรถคู่ใจจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงนิด ๆ เพราะแวะปั๊มน้ำมันบ้าง แวะกินไก่ย่างวิเชียรบุรี ของขึ้นชื่อเพชรบูรณ์บ้าง (เสียดาย ตอนนั้นหิวเลยไม่ได้ถ่ายเอาไว้ แต่อร่อยมาก)
ถึงทางขึ้นเขาประมาณบ่าย 2 โมงครับ ก็ลุยขับกันได้เลย ทางขึ้นเขาค้อไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เส้นทางเป็นถนนลาดยางทั้งเส้นครับ แม้เป็นรถเครื่องเล็กก็ขึ้นได้ หรือสาว ๆ ขับก็ไม่ต้องกลัว แค่อย่าลากเบรกก็พอเพราะจะไหม้เสียก่อน
ทริปนี้เลือกพักที่ “เขาค้อ เบย์เบย์" ห้องพักบรรยากาศดี ริมระเบียงตอนเช้าสามารถมองออกไปเห็นทะเลหมอกได้เลย การันตีความฟิน
ขอบคุณภาพจาก Facebook: เขาค้อเบย์เบย์
หลังเข้าที่พัก เช็คอิน เก็บสัมภาระเรียบร้อย ที่แรกที่ขับรถไปก็คือ "ฐานอิทธิ พิพิธภัณฑ์อาวุธ" (เสียค่าเข้าชม 10 บาท)
ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ที่บ่งบอกเรื่องราวของสมรภูมิเขาค้อเป็นการต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่กับพวกคอมมิวนิสต์ในอดีต มีประวัติของการต่อสู้ดังกล่าวให้ได้ศึกษารวมถึงจำลองสถานที่หลบภัย และส่วนต่าง ๆ รวมถึงซากเฮลิคอปเตอร์ที่เคยใช้งานจริงให้ได้สัมผัสด้วย
นอกจากส่วนเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่นี่ยังมีจุดให้กางเต็นท์นอนรับอากาศเย็น ๆ เพื่อชมทะเลหมอกสวย ๆ ยามเข้า มีจุดชมวิวและจุดถ่ายรูปสวย ๆ ให้ได้กดชัตเตอร์กันสนุกเลย
จริงๆ แล้วใกล้ ๆ กันซึ่งเป็นทางที่ต้องขับรถลงจากจุดดังกล่าวยังผ่าน "อนุสาวรีย์ผู้เสียสละเขาค้อ"ด้วย สามารถแวะไปเพื่อชมวิวสวย ๆ และรำลึกถึงวีรกรรมอันหาญกล้าของพวกเขาได้ แต่ด้วยตอนนั้นเป็นช่วงเวลาใกล้มืดจึงได้แค่ขับผ่านเท่านั้น
ช่วงเย็นก็ไปแวะหาของอร่อย ๆ กินกันได้นะครับ มีร้านอาหารดี ๆ หลายร้านเลย แล้วความโชคดีของค่ำคืนที่ผมไปก็คือ ช่วงเย็นฝนตกหนักมาก คนแถวนั้นเลยบอกว่าตื่นเช้ามายังไงก็เจอทะเลหมอก 100% คอนเฟิร์ม!!!
เช้าวันถัดมาผมรีบตื่นตั้งแต่ยังไม่ 6 โมงดีด้วยซ้ำ ด้วยความอยากเห็นทะเลหมอกมาก!!!
และตามที่บอกไปว่า ห้องพักของผมนั้นมองเห็นวิวทะเลหมอกได้ด้วย พอตื่นมาไม่ต้องคิดอะไรมาก เปิดม่านออกไปยืนชมทะเลหมอกริมระเบียง ฟินขั้นสุดจริง ๆ
อันนี้แถมตอนอยู่บนเตียงแล้วถ่ายออกไปเจอวิวทะเลหมอกสวย ๆ
แต่นั่นยังไม่หนำใจครับ เพราะในทริป เที่ยวเขาค้อ หน้าฝน นี้ ผมเองไปที่ "จุดชมวิวทะเลหมอกเขาค้อ" ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกับสถานที่ราชการพวก สำนักงานที่ดิน สำนักงานเกษตรครับ บอกเลยว่าบรรยากาศทะเลหมอกตอนเช้ามันช่างงดงามเหลือเกิน
แถมฝั่งตรงข้ามยังมีตลาดให้เลือกเดินซื้อกาแฟร้อน ๆ ยามเช้ามาจิบอีก ได้อารมณ์มากจริง ๆ
ที่ต่อไปผมเดินทางไปยัง “วัดผาซ่อนแก้ว” ชมความงดงามของเจดีย์พระธาตุผาแก้ว และไฮไลท์คือ “พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ องค์สีขาวประดิษฐานเรียงกัน เป็นความ Unseen ที่คนไปเขาค้อห้ามพลาดจริง ๆ ครับ
เอาแบบเห็นความงดงามกันชัด ๆ ไปเลย
จากวัดผาซ่อนแก้ว ขับขึ้นไปอีกหน่อยจะเป็นร้านกาแฟ ร้านนั่งเล่นชิลล์ ๆ ที่บรรยากาศไม่ชิลล์นักสำหรับคนกลัวความสูง ฮ่า ๆ ชื่อร้าน “โรงเตี๊ยมสุดขอบฟ้า” ซึ่งสถานที่ตั้งก็สมชื่อจริง ๆ ครับ สูงชนิดที่มีเสียวได้เหมือนกัน เข้าไปนั่งสั่งเครื่องดื่มจิบให้หายร้อนสักหน่อย พร้อมถ่ายรูปคู่กับวิวสวย ๆ แต่ถ้าใครหิวที่นี่ก็มีเมนูอาหารให้บริการด้วย ลองเลือกสั่งกันได้เลย
แก้เหนื่อยกันหน่อยกับเมนูอร่อย ๆ จากทางร้าน
หลังอิ่มท้องก็ไปกันต่ออีกจุดแห่งความตื่นเต้นและผมยกให้เป็นไฮไลท์ของวันนี้เลยครับ นั่นคือการขับรถปีนเขากว่า 1,050 เมตร ไปยัง “ทุ่งกังหันลมเทเลทับบี้” หรือจะเรียก “ทุ่งกังหันลมเขาค้อ” ก็ตามสะดวก บอกเลยว่าตลอดเส้นทางการขึ้นไปเป็นดินลูกรังส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยความใจกล้าและความตื่นเต้นกันพอสมควร แต่รถในเมืองก็ขึ้นได้นะครับ ไม่ได้ชันขนาดนั้น เมื่อไปถึงต้องเสียค่าที่จอดรถ และค่าเข้าด้วย (จำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ แต่หลักสิบเท่านั้น)
ขึ้นมาที่นี่บรรยากาศสวยสุด ๆ ครับด้วยความสูงอย่างที่บอกไป มีกังหันลมขนาดใหญ่ให้ได้ยลโฉม มีกิจกรรมน่าสนใจเยอะ เช่น นั่งชิงช้าชาวเขา ที่จะเหวี่ยงคุณออกไปด้านนอกเล่นเอาเสียวสะใจ หรือจะนั่งทานอาหารที่ร้าน Black Diamond หรือชมสวนที่มีดอกไม้สวย ๆ เบ่งบานแข่งกัน เป็นความงดงามแบบไร้ที่ติจริง ๆ (สวนดอกไม้จะบานเฉพาะช่วงปลายปี)
หรือใครอยากมานอนกางเต็นท์เปลี่ยนบรรยากาศที่นี่ก็มีพื้นที่สำหรับคนรักความแอดเวนเจอร์เอาไว้เหมือนกันนะครับ
ปิดท้ายทริปของวันก่อนเดินทางกลับพรุ่งนี้ด้วย “หมูกระทะ” งงล่ะสิ? ทำไมดูธรรมดา แต่บรรยากาศเขา ป่าไม้ สายลมเย็น ๆ เห็นหมอกสีขาวแบบนี้อะไรก็ไม่ฟินสุดเท่ากับเมนูบ้าน ๆ แบบนี้แหละครับ ผมเลือกมาที่ “ร้านกันยามา หมูกระทะ” เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ตักอาหารได้ไม่อั้น อิ่มอร่อยกันจนจุก ทั้งเนื้อหมูสารพัดอย่าง ผัก และเครื่องเคียง ของทานเล่นอีกมากมาย อิ่มกันแบบไม่ต้องปราณีปราศรัย
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังทำภารกิจเรียบร้อยก็ได้เวลา เซย์ กู๊ดบาย กันแล้วล่ะครับ ระหว่างทางลงเขามีร้านของฝากอยู่เยอะเลย เลือกแวะกันได้ตามชอบ รับรองว่าถ้ามีโอกาสคราวนี้จะลองไปสัมผัสกับสถานที่ใหม่ ๆ บนเขาค้อที่ยังไม่เคยไปแน่ ๆ
ดีใจด้วย คุณคือคนแรก!
คอมเมนต์